7 ปัญหาผิวหน้ากวนใจ ที่คุณควรรู้ไว้!

Last updated: 16 ก.พ. 2567  |  112 จำนวนผู้เข้าชม  | 

7 ปัญหาผิวหน้ากวนใจ ที่คุณควรรู้ไว้!

               7 ปัญหาผิวหน้าของผู้หญิง ที่คอยกวนใจกันแบบสุด ๆ
ในบรรดาปัญหาผิวหน้าที่สาว ๆ หลายคนพบเจอ ไม่ว่าจะกี่ร้อยสารพันปัญหา แต่จะมีอยู่ด้วยกัน 7 ประเภท ที่เรียกได้ว่า อยู่คู่สาวไทยกวนใจกันมานาน และถือเป็นตำนานปัญหาผิวตัวท็อป ที่หญิงสาวทุกคนมักจะต้องเคยพบเจอ

1. ผิวแพ้ง่าย
         เริ่มต้นกันด้วยปัญหา ‘ผิวแพ้ง่าย’ สุดยอดปัญหาระดับชาติของผู้หญิง ปกติแล้ว ปัญหานี้ของแต่ละคนจะมีความรุนแรงไม่เท่ากัน บางคนอาจมีอาการแพ้น้อย บ้างก็อาจแพ้มาก ชนิดที่จะหยิบจับใช้อะไร ก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ในทางการแพทย์ ผิวแพ้ง่าย คือภาวะที่ผิวมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะจากสิ่งแวดล้อม แสงแดด น้ำ อากาศ หรือผลิตภัณฑ์บำรุง ล้วนมีส่วนก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวได้ทั้งหมด 

สาเหตุของ ผิวแพ้ง่าย
          ผิวหน้าที่แพ้ง่าย เกิดได้จากหลายปัจจัย หญิงสาวส่วนใหญ่มักเกิดอาการแพ้จากผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะแพ้ได้ตั้งแต่ สบู่ โฟมล้างหน้า มอยส์เจอไรเซอร์ ไปจนถึงเครื่องสำอาง บางรายอาจมีผิวที่ไวต่อสิ่งเร้าจากสภาพแวดล้อม เช่น น้ำประปา แสงแดด หรือ มลภาวะ ไม่เพียงแค่สิ่งเร้าภายนอก แต่สภาวะภายในร่างกาย ก็มีส่วนที่ทำให้ผิวเกิดการแพ้ได้ เช่น ช่วงที่มีรอบเดือน มักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างฉับพลัน มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกับผิวแพ้ง่ายในช่วงเวลานั้น ๆ ได้อีกด้วย

2.ผิวหมองคล้ำ
         บรรดาปัญหานานาชนิดเรื่องผิว ความหมองคล้ำ แทบจะเป็นป้อมปราการปัญหาระดับวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าสาวคนไหน ก็อาจต้องพบเจอปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวหน้าไม่สวยใส แวะเวียนมาบ่อย

สาเหตุของผิวหมองคล้ำ

  •         มลภาวะสามารถทำร้ายผิวให้หมองคล้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น แดด ฝุ่นควัน อันสร้างสิ่งสกปรกแก่ผิว 
  •        การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อีกต่อไป เพราะกลไกของร่างกายที่ทำงานไม่เต็มที่ มีผลทำให้ผิวดูอ่อนล้าและหมองคล้ำ 
  •       สภาวะเครียด ยิ่งเครียดมากเท่าไหร่ ฮอร์โมนอาจส่งผลให้ผิวดูอ่อนล้าได้ พอ ๆ กับการพักผ่อนน้อย

3.ผิวมีริ้วรอย

          ริ้วรอย (Wrinkles) คือปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป มีสาเหตุมาจากการอุ้มน้ำ และการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินของเซลล์ผิวลดน้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน และเกิดเป็นริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยตามมาได้ ริ้วรอยที่คนส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นได้ เช่น รอยตีนกา ริ้วรอย

สาเหตุของผิวมีริ้วรอย

           โดยปกติแล้ว ผิวของเราจะมีส่วนประกอบ 3 อย่างที่มีผลอย่างมากต่อความเต่งตึงของผิว นั่นคืออิลาสติน (Elastin), คอลลาเจน (Collagen), และกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic)
       อิลาสตินจะช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและคืนรูป  คอลลาเจนช่วยให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ส่วนกรดไฮยาลูโรนิคมีผลทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ช่วยให้ผิวฟูและนุ่มขึ้น หากไม่มีสารทั้งสามตัวหรือมีน้อย เมื่อขยับกล้ามเนื้อ ผิวที่ถูกพับย่นจะไม่ขยายตัวออกมาอย่างเดิม จนเกิดริ้วรอยขึ้นบนผิว หากยังขยับให้ผิวย่นที่จุดเดิมเรื่อยๆ ก็จะเกิดเป็นริ้วรอยร่องลึกที่แก้ไขได้ยาก
       ดังนั้น ริ้วรอยเกิดจากการที่ผิวหนังของเรามีปริมาณอิลาสติน, คอลลาเจน, และกรดไฮยาลูโรนิคลดลงจนผิวไม่แข็งแรง เต่งตึง และยืดหยุ่นเท่าเดิม ทำให้ผิวไม่สามารถคืนตัวได้ตามปกติหลังจากกล้ามเนื้อหดตัวและคลายลง ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและพับย่นจนเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา  

4.ผิวแห้งกร้าน
          ปัญหาผิวแห้งกร้าน บางรายอาจมีอาการผิวแห้งแตก หรือเป็นขุยลอกร่วมด้วย ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่า ผิวกำลังขาดน้ำและความชุ่มชื้นอยู่ จนทำให้ผิวอาจดูแห้งกร้านเป็นพิเศษ ไม่ฉ่ำวาวแบบสาวสุขภาพดี

สาเหตุของผิวแห้งกร้าน
         มีปัจจัยมากมาย ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวของสาว ๆ เกิดความแห้งกร้าน ไม่ว่าจะเพราะละเลยการบำรุงผิว อาบน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นโดยเฉพาะถ้าขาดการบำรุงตามหลัง ไหนจะการทำงานอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน ๆ พฤติกรรมการดื่มน้ำที่น้อยกว่าเกณฑ์ และการล้างหน้าที่มากเกินไป ปัจจัยดังกล่าวที่ว่ามานี้ มีผลทำให้ผิวเราขาดความสมดุลได้ง่ายมาก ๆ จนก่อให้เกิดผิวแห้งขาดน้ำ ไม่ฉ่ำสวย

5. ผิวเป็นสิว
            ปัญหาผิวตัวฉกาจ ที่สาว ๆ หลายคนไม่อาจเลี่ยงได้ นั่นก็คือ ปัญหาสิว สุดยอดปัญหากวนใจสาวไทยมากที่สุด เพราะสิวสามารถเกิดได้ตั้งแต่สาวแรกรุ่น ไปจนถึงวัยทำงาน สร้างความไม่มั่นใจในการแต่งหน้า บ้างก็อาจสร้างความระคายเคือง จนน่ารำคาญได้
สาเหตุของการเกิดสิว
           คือการอุดตันของรูขุมขน จนเกิดการอักเสบตามหลัง อาจพบได้มากในสาว ๆ ที่มีสภาพผิวมัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีสภาพผิวหน้าอื่นจะเกิดปัญหาสิวไม่ได้ เพราะปัจจัยของการเกิดสิว ยังสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนของหญิงสาว  การรักษาความสะอาดบนผิวและใบหน้า หรือแม้แต่การใช้ของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางตัว ที่อาจส่งผลให้เกิดการแพ้หนักและเกิดสิวได้ในที่สุด

6.ผิวเสื่อมโทรม

       เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยหลักคือ จากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดดและมลภาวะ หรือจากปัจจัยภายใน เช่น อวัยวะภายในต่างๆ ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวเสื่อม 5 ประการ ได้แก่ ปัญหาผิวขาดน้ำ จุดด่างดำ (จุดด่างดำทั่วไปและจุดด่างดำจากอายุ) ริ้วรอยและร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย  

สาเหตุของผิวเสื่อมโทรม

         ช่วงอายุตั้งแต่ 25 ปี เป็นช่วงที่ผิวพรรณกำลังสมบูรณ์ แต่ด้วยสภาวะสิ่งแวดล้อม จึงมีโอกาสทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น โดยเฉพาะแสงแดด แสงสว่างจากหลอดไฟ ก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส รวมทั้งภาวะทางอารมณ์ ความเครียด หรือการแสดงสีหน้าอารมณ์ เช่น การขมวดคิ้ว หากทำเป็นประจำก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย ดังนั้นการทาครีมกันแดดและครีมบำรุง ยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยดูแลผิวเบื้องต้นได้

7.ผิวกระทบแสงแดด

         แสงแดดประกอบด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) ที่สามารถทำให้คอลลาเจน (เซลล์เนื้อเยื่อของผิวหนัง) เสื่อมสภาพ สารอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากร่างกายต่อสู้กับสิ่งระคายเคืองเป็นเวลานาน หากสารตัวนี้หลงเหลืออยู่ในผิวหนัง สามารถทำลายเซลล์รอบๆ ตัว ส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้

รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) มี 3 ชนิด
1. รังสียูวีเอ (UVA) คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่น 320-400 นาโนมิเตอร์ สามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ได้ ในระยะยาวเชื่อกันว่าหากได้รับรังสี UVA มากๆ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส
 2. รังสียูวีบี (UVB) คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่น 290-300 นาโนมิเตอร์  รังสี UVB ไม่สามารถทะลุสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกได้ แต่สามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม
 3. รังสียูวีซี (UVC) ปัจจุบันนี้พบว่ารังสี UVC ก็สามารถทะลุชั้นโอโซนมายังพื้นโลกได้ เกิดจากมนุษย์ได้สร้างมลพิษกับสิ่งแวดล้อมจนไปทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนให้บอบบางลง 

สาเหตุของผิวกระทบแสงแดด

        การโดนแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมเสื้อผ้าที่มีความหนา สีเข้ม และมิดชิด รวมทั้งสวมหมวก และกลางร่ม  

        อาการหรือโรคผิวหนังที่เกิดจากแสงแดดที่พบบ่อยผิวไหม้แดด (Sunburn) ส่วนใหญ่เกิดจาก รังสี UVB ทำให้ผิวมีสีแดง เจ็บและพุพอง อาการอาจไม่เกิดขึ้นทันที อาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงหลังจากนั้น การรักษาคือ ใช้ผ้าเย็นหรือผลิตภัณฑ์ที่เย็นประคบไว้ลดอาการปวดและบรรเทาการอักเสบ ถ้ามีอาการมากอาจต้องทาสเตียรอยด์ 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้